คาร์ซีทแต่ละแบบมีข้อดี – ข้อเสียอย่างไร
เบาะนั่งนิรภัยเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์และช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงสำหรับลูกน้อยเวลาเดินทาง แต่เนื่องด้วยสรีระ อายุ น้ำหนัก และส่วนสูงที่แตกต่างกันจึงทำให้ไม่สามารถเลือกประเภทเดียวกันได้ ดังนั้นวันนี้เราจึงจะพาไปทำความรู้จักว่าคาร์ซีทนั้นมีกี่แบบและแต่ละแบบมีข้อดี – ข้อเสียอย่างไร จะได้เลือกซื้อและใช้อย่างเหมาะสม
คาร์ซีทมีกี่แบบ
หลัก ๆ แล้วสามารถแบ่งคาร์ซีทออกเป็น 2 แบบหลัก ๆ คือ สำหรับเด็กแรกเกิดและเด็กโต โดยแต่ละแบบจะมีแยกย่อยออกตามอายุและลักษณะการใช้งาน
แต่ละแบบมีข้อดี – ข้อเสียอย่างไร
สำหรับข้อดี – ข้อเสียของเบาะนั่งนิรภัยแต่ละแบบ มีดังต่อไปนี้
1. สำหรับเด็กทารก
เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด – 18 เดือน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
สำหรับเด็กแรกเกิด
ข้อดี
- น้ำหนักเบา
- เคลื่อนย้ายง่าย
- มีฟังก์ชันเพิ่มความสะดวกเยอะ เช่น เปลี่ยนเป็นรถเข็นหรือปรับเป็นเปลนอน
- มีความปลอดภัยสูง
ข้อเสีย
- ขนาดเล็ก
- น้ำหนักเบาเมื่อเทียบกับประเภทอื่น ๆ
- โครงสร้างบอบบางทำให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ เสี่ยงต่อการชำรุดได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับประเภทอื่น ๆ
- ระยะการใช้งานค่อนข้างสั้น
- ใช้ได้เฉพาะกับเด็กอายุไม่เกิน 1 ปีเท่านั้น
คาร์ซีท convertible
ข้อดี
- มีให้เลือกถึง 2 ประเภท คือ แบบหมุนได้และไม่ได้
- โครงสร้างแข็งแรง
- ฟังก์ชันการใช้งานหลากหลาย
- อายุการใช้งานค่อนข้างยาวนาน
ข้อเสีย
- เคลื่อนย้ายไม่ได้
- น้ำหนักค่อนข้างมาก
- โครงสร้างขนาดใหญ่
2. คาร์ซีทสำหรับเด็กโต
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
Car seat booster seat
ข้อดี
- พกพาสะดวก
- น้ำหนักเบา
- เหมาะสำหรับการเดินทางต่างประเทศ
ข้อเสีย
- วัสดุรองรับแรงกระแทกค่อนข้างบอบบาง
- ไม่มีพนักพิง
- ออกแบบมาสำหรับเด็กอายุ 7 ปีขึ้นไปเท่านั้น
- ไม่สามารถปรับสายเข็มขัดได้
Forward facing
ข้อดี
- วัสดุคงทนแข็งแรง
- รองรับแรงกระแทกได้ดี
- โครงสร้างขนาดใหญ่
ข้อเสีย
- ไม่มีพนักพิง เฉพาะบางรุ่น
- นอนไม่สบายตัว
ข้อควรรู้
ก่อนตัดสินใจซื้อคาร์ซีทมีข้อควรรู้ต้องทำความเข้าใจก่อนซื้อ ดังนี้
- ต้องตรวจสอบมาตรฐานของวัสดุทุกชิ้น
- วัสดุที่ใช้ที่ใช้ไม่ใช่แค่แข็งแรง แต่ต้องอ่อนโยนต่อผิวของลูกน้อยด้วย
- อายุการใช้งานต้องคุ้มค่าและคงทน
- สามารถขยายให้เหมาะสมตามการเจริญเติบโต
- ควรคำนึงถึงความปลอดภัยและฟังก์ชันการใช้งานมากกว่าราคา
อย่างไรก็ตามแม้คาร์ซีทนั้นมีหลายประเภทแต่โดยหลัก ๆ แล้วจะแบ่งลักษณะการใช้งานออกเป็นสำหรับเด็กเล็กกับเด็กโต ซึ่งเหล่าบรรดาคุณพ่อคุณแม่ก็จำเป็นต้องใส่ใจเลือกประเภทให้เหมาะสมกับช่วงอายุและสรีระของเด็ก เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางและคุ้มค่า รวมถึงตอนตัดสินใจซื้ออย่าดูแค่ราคา ต้องดูเรื่องคุณภาพและโครงสร้างหลักด้วยว่าผ่านมาตรฐานและได้รับการตรวจสอบหรือไม่ด้วย